Friday, April 21, 2017

Low risk High return Strategy

จุดเข้าซื้อที่เสี่ยงต่ำ และให้ผลตอบแทนสูง
หุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูง ต้องมีการเสริมกันทั้งพื้นฐานและเทคนิคอล

พื้นฐาน 
- ธุรกิจมีการเติบโตและสามารถโตได้อีก ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโต เมกะเทรนด์ หรือ การขยายตลาดด้วยจำนวนสาขา หรือผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่นิยมของท้องตลาด หรือเป็นธุรกิจเทิร์นอะราวด์ เปลี่ยนไปทำสิ่งที่ตลาดมีความต้องการซื้ออีกมากมาย บลูโอเชียน
- ถ้าเทิร์นอะราวด์-งบการเงินมีการส่งสัญญาณฟื้นตัว อาจจะยังไม่ชัดเจนแต่สังเกตุเห็นความเปลี่ยนแปลงได้
- หุ้นที่ทำกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ และมีโปรเจกต์ใหม่ๆที่สามารถเพิ่มยอดขายให้โตได้อีก

เทคนิคอล
A) ดีที่สุดซื้อแล้วต้องวิ่งต่อ และไม่ลงมากินทุนจนต้อง stop loss
- ซื้อตอนมันสตาร์ทเวฟสาม = เกิด breakaway gap, breakout กรอบ sideway bottom พร้อมวอลุ่มสูงๆ
ความเสี่ยง

ความเสี่ยงของสไตล์นี้คือ เกือบทั้งหมดของการ breakout มักจะมาพร้อมกับ overbought ซึ่งเป็นจังหวะขายของคนจำนวนมากที่เล่นในกรอบ(หรือเขาอาจจะรู้อะไรๆดีกว่าเรา) ดังนั้นจึงควรเผื่อใจเอาไว้หากรายใหญ่ไม่รับซื้อยันราคาไว้อยู่ มันแดงลงมาหลังจากนั้น-เราจะทำยังไง ให้ไฮเดิมเป็น stoploss มั้ย หรือเผื่อเอาไว้เขย่ากี่ช่อง หรือ fix เป็นเปอร์เซ็นต์เอาไว้เลย หรือจะดูระดับการ retrace เอาไว้เท่าไหร่ ไม่เกิน 50% มั้ย

ดังนั้นประเด็นก็คือ จะทำยังไงให้ตอนที่เราพลาด มันจะเข้าเนื้อเราน้อยที่สุด การมีหุ้นไว้ใน watchlist เฝ้าดูทุกวันจึงต้องมี เพื่อที่จะได้เข้าซื้อในตอนที่มัน breakout หรือเปิด gap ขึ้นไปได้ทันที

หรือถ้ามันย่อก็อาจจะดูภาพใหญ่ว่ามันเด้งมาสูงแค่ไหน ให้โอกาสย่อลงมาได้เท่าไหร่ถึงจะไม่เสียทรงของขาขึ้นอันเป็นระดับที่เราก็ยอมรับได้ และถ้ามันเด้งเพื่อไปต่อก็ให้ซื้อเพิ่มตรงนั้นอีกไม้ใหญ่ๆ กระนั้นก็มีหุ้นบางตัวที่เขย่าแรงจนหลุดระดับที่เรากะไว้ ก็อย่าเพิ่งละทิ้งมัน ให้รอดูการฟื้นตัวรอบใหม่ ถ้ามันดีดตัวขึ้นมาทะลุแนวที่เราทำไว้ได้ก็ควรเข้าอีกรอบ เพราะหุ้นดีๆที่มีอนาคตดีมีการสนับสนุนของคนเงินเยอะนับวันยิ่งหายาก เจอแล้วต้องกัดไม่ปล่อย

B) ดีรองลงมา ได้ทุนต่ำแต่ก็อาจมีต่ำกว่าเพราะอาจลงต่อจนหลุด stop หรือไม่ไปไหน sideway แช่ให้อึดอัด

- ตอนราคาเด้งจากการทำ double bottom, tripple bottom พร้อมกับbullish divergence (ซึ่งมันก็มักจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว) เมื่อซื้อแล้วก็ต้องเฝ้าดูตลอดระวังทางลงอย่างเดียว เนื่องจากอารมณ์หุ้นยังอยู่ในดินแดนแห่งความกลัว ตลาดแดงหนักก็มีโอกาสลงต่อได้ทุกเมื่อ

หน้าที่ของนักเก็งกำไรที่ชอบซื้อของแพงเพือให้ได้ขายในราคาที่แพงกว่าคือ
อันดับแรกต้องมั่นใจว่าหุ้นเป็นขาขึ้นชัวร์
ต่อมาคือหาช่วงปรับฐาน เหมือนการสืบหาลักษณะการพักเหนื่อยของหุ้นให้เจอก่อนที่มันจะวิ่งไปต่อ

ถ้าเป็นสาย CANSLIM ก็จะมองหา cup with handle, pocket pivot buy point
Mark Minervini คือ VCP
นอกจากนั้นผมคิดว่า continuition pattern แบบต่างๆ ก็ถือว่าเข้าข่ายนะ เช่น flag, pennant, wedge และ rectangle

ซึ่งจะว่าไปแล้วชื่อเรียกที่ว่ามานั้นมันมีแก่นเดียวกัน คือการสวิงของราคายิ่งมายิ่งลด
เช่นเดียวกับวอลุ่ม หมายถึงความสนใจของคนในตลาดลดลงแปรผันตามเวลา เพราะสาเหตุที่ทำให้หุ้นเกิด pattern เหล่านี้คือ "การถูกแรงขายกดดัน" ทำให้ราคาลดลงแรงจนเสียโมเมนตัม ดังนั้นสิ่งที่คนทำราคาแสดงออกคือ "ปล่อยให้มีการขายจนหมดแรง" คุณไม่อยากขายเมื่อไร - ผมลากต่อ
ระหว่างทางก็จะมีนักเก็งกำไรระยะสั้นเข้ามาซื้อๆขายๆให้ราคาสวิงขึ้นลงหลายรอบ แต่ยิ่งนานไปเป็นวันเป็นสัปดาห์กรอบที่สวิงยิ่งแคบ และเมื่อคนเล่นสั้นมองว่าการสวิงของหุ้นมีช่วงราคาไม่คุ้มกับการเล่นแล้ว ก็จะขายหุ้นคืนให้คนทำราคาแล้วก็จากไป

คนเล่นสั้นช่วยรวบรวมหุ้นที่กระจัดกระจายพร้อมขายในตลาดมาคืนให้เจ้ามือ
และเมื่อราคาฟื้นตัวหรือดีดทะลุแนวต้านจะเป็นแท่งเขียวยาวและวอลุ่มสูงกว่าค่าเฉลี่ย จากนั้นหุ้นจะวิ่งต่อได้ไกลมาก

จึงไม่แปลกใจที่นักเทคนิคส่วนใหญ่ชอบแพทเทิร์นสามเหลี่ยมหรือธง คุณภาววิทย์ก็เรียกว่าหุ้นเขื่อนแตก
เพราะพอมันเบรคต้านขึ้นไปได้ราคาจะวิ่งแรงและไว ทำให้ได้กำไรดีสุดๆ
หรือราคาลงไปไกล้/แตะ ema แล้วเด้ง,ราคาบีบตัวแคบสุด+วอลุ่มแห้งฯลฯ
ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันพักแล้วจะไปต่อ ได้แต่เฝ้าดูและรอให้ราคามันแสดงออก
สัญญาณนั้นคือการ breakout ขึ้นไปทำนิวไฮ(เหนือฐานที่มันพักเหนื่อย) พร้อมด้วยปริมาณซื้อขายที่มากกว่าค่าเฉลี่ย

หัวใจอีกอย่างคือหุ้นต้องเป็นขาขึ้นเท่านั้น

Thursday, April 20, 2017

คำคมคนฉลาดทำงานใหญ่ คนทั่วไปทำงานเล็ก

๒๕ คำคม คัดจากหนังสือ "คนฉลาดทำงานใหญ่ คนทั่วไปทำงานเล็ก"
เปิดผ่านๆ อ่านแล้วชอบ

๑) งานของคุณจะเข้ามามีบทบาทมากในชีวิต
และหนทางเดียวที่จะทำให้คุณทำงานได้อย่างสุขใจคือ
"การทำในสิ่งที่เชื่อว่าเป็นงานใหญ่"
และหนทางเดียวที่จะทำงานใหญ่ได้คือ "รักในสิ่งที่ทำ"
ถ้ายังไม่พบให้มองหาต่อไป อย่ายอมแพ้ คุณจะรู้ได้เองเมื่อหาพบแล้ว
- สตีฟ จ็อบ

๒) สิ่งที่ยากเย็นและน่าทึ่งที่สุด คือ การเลิกทำตัวสมบูรณ์แบบ
แล้วเริ่มต้นพยายามในการเป็นตัวของตัวเอง
- แอนนา ควินด์เลน

๓) การนำเสนอชีวิตในรูปแบบใหม่คือการเดินไปจนสุดขอบแผนที่ของเรา
- บ๊อบ แบล็ก

๔) แม้เราไม่สามารถหวนกลับไปเริ่มต้นใหม่ได้
แต่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้จากจุดนี้เพื่อเปลี่ยนตอนจบ
- คาร์ล บาร์ด

๕) ถ้าไม่เปลี่ยนความเชื่อ ชีวิตก็จะเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
- ดักลาส อาดัมส์

๖) ชีวิตคือผลพวงจากทางเลือกทั้งหมดของคุณ
- อัลแบร์ กามูส์

๗) ถ้าคุณเป็นตัวของตัวเองได้ ก็ไม่ต้องแข่งกับใคร
แค่เข้าไปไกล้แก่นแท้นั้นให้มากขึ้นเรื่อยก็พอ
- บาร์บารา คุก

๘) รอยแผลที่ได้จากความกล้าหาญของคุณ จะไม่มีวันทำให้คุณมีปมด้อย
- ดี เอ แบตทิสต้า

๙) พวกเราทุกคนต่างมีความพิเศษอยู่ในตัว และรอเวลาที่จะปลดปล่อย
- ดร. จีน ฮุสตัน

๑๐) คุณไม่ต้องเป็นฮีโร่ยอดเก่งในการทำบางสิ่งบางอย่างหรอก
ในการแข่งขัน คุณอาจเป็นคนธรรมดาสามัญซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมากพอที่จะบรรลุเป้าหมายยากๆ
ความพยายามอย่างแรงกล้า การให้จนหมดตัว เป็นโบนัสที่น่าชื่นใจที่สุด
- เอ็ดมันด์ ฮิลลารี

๑๑) ทุกคนควรสังเกตุให้ดีว่า ถูกหัวใจดึงไปทางไหน
แล้วเลือกเส้นทางนั้นอย่างเต็มที่
- ฮาสิดิก ซาย์อิง

๑๒) เราไม่ได้ตกอยู่ในฐานะที่ไม่มีอะไรทำ
เรามีขีดจำกัดความสามารถ สติปัญญา ทิศทาง หน้าที่ และเสียงเรียกอยู่แล้ว
- อับราฮัม มาสโลว์

๑๓) ในสายตาของผม "ฮีโร่" คือคนที่รู้จักรับผิดชอบต่ออิสภาพของตนเอง
- บ๊อบ ดีแลน

๑๔) ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีรอยร้าวแตก
เพื่อให้แสงสว่างลอดเข้ามาได้
- เลนาร์ด โคเฮน

๑๕) เราใช้เวลาอย่างไร แสดงว่าเราใช้ชีวิตอย่างนั้น
- แอนนี ดิลลาร์ด

๑๖) คนเราถือว่าประสบความสำเร็จเมื่อได้ตื่นนอนในตอนเช้า และเข้านอนในตอนค่ำ โดยระหว่างนั้นได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
- บ๊อบ ดีแลน

๑๗) ในระยะยาวแล้ว เราเป็นคนกำหนดรูปแบบชีวิตของเรา และกำหนดรูปแบบตัวเอง เป็นอย่างนี้ไปตลอดชีวิต
และผลสุดท้ายสิ่งที่เราเลือกคือ "ความรับผิดชอบของเรา"
- เอลินอร์ โรสเวลต์

๑๘) ถ้าจำกัดตัวเลือกแต่เฉพาะสิ่งที่เป็นไปได้หรือสมเหตุสมผล
ก็เท่ากับว่าคุณตัดตัวเองจากสิ่งที่ต้องการจริงๆ เหลือแต่สิ่งที่พอใช้ได้
- โรเบิร์ต ฟริตซ์

๑๙) ทุกคนเป็นอัจฉริยะได้อย่างน้อยปีละครั้ง
อัจฉริยะที่แท้จริงเพียงแต่มีความคิดแจ๋วๆติดๆกัน
- จอร์จ คริสตอฟ ลิชเตนเบิร์ก

๒๐) พรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือการกล้าถาม
- รูบี้ ดี

๒๑) นักเดินทางเอ๋ย
บนโลกนี้ไม่มีเส้นทางหรอก
มีแค่รอยเท้าที่เกิดจากการเดินเท่านั้น
- แอนโตนิโอ มาคาโด

๒๒) ผมเป็นชายชราที่ผ่านปัญหามามากมาย
แต่ส่วนใหญ่เป็นปัญหาที่ยังไม่เกิด
- มาร์ก ทเวน
.
๒๓) อย่ามองว่าเป็นความล้มเหลว
ให้คิดว่ามันเป็นความสำเร็จที่ค่อยๆปล่อยออกมาทีละเล็กทีละน้อย
- โรเบิร์ต ออร์เบน

๒๔) ความล้มเหลวเป็นเพียงความสำเร็จที่มาไม่ถึง
ตราบใดที่ความกล้าหาญ "ฝึกสอน" ความมุมานะ
วิสัยไม่ยอมแพ้คือวิสัยของชัยชนะ
- ฮอร์เบิร์ต คอฟแมน

๒๕) แม้จะเคยพยายาม หรือเคยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไร
พยายามอีก ล้มเหลวอีก ล้มเหลวให้ดีขึ้นกว่าเดิม
- แซมมวล เบ็กเก็ต

Wednesday, April 19, 2017

ทักษะของเทรดเดอร์ผู้รอบรู้: กำหนดหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน

ทักษะชุดที่ 3: กำหนดหน้าที่ไว้อย่างชัดเจน
ก่อนที่คุณจะเริ่มต้นธุรกิจการเทรดของคุณ, ควรพิจารณาว่าคุณอยู่ที่ไหนและสถานที่คุณต้องการไป สิ่งนี้จะช่วยให้คุณกำหนดสิ่งที่ต้องการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายและปริมาณความเสี่ยงคุณพร้อมที่จะยอมรับมัน แต่ละประเภทมีรายละเอียดความเสี่ยงที่แตกต่างกัน

เช่นเดียวกับการก่อสร้างที่ต้องการพิมพ์เขียวอันเหมาะสมก่อนที่จะสร้างบ้าน, เช่นเดียวกับการเทรด คุณจะต้องมีการร่างแบบโชคชะตาของคุณเอง มีทางเดียวที่จะทำคือการนั่งและเตรียมแผน, ด้วยการเขียน, ในสิ่งที่คุณต้องการจะบรรลุ

หากปราศจากเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนหรือภารกิจในสิ่งที่คุณต้องการที่จะประสบความสำเร็จ, คุณจะไม่สามารถที่จะกำหนดว่าตลาดหรือการซื้อขายแบบไหนที่เหมาะสม การกำหนดเป้าหมายระยะยาวถือเป็นภารกิจแรกของคุณ

ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่คุณต้องการเพื่อการเทรด, แผนการของคุณจะมีความแตกต่าง เมื่อเป็นเช่นนี้จะคุณควรลงรายละเอียดความเสี่ยงของคุณ ผมขอแนะนำให้ใคร่ครวญเหตุผลที่คุณต้องการเพื่อการเทรดก่อนที่คุณจะพยายามรวบอะไรต่อมิอะไรและวิธีการที่คุณตั้งใจบรรลุเป้าหมาย

เมื่อคุณรู้ว่า-ทำไมคุณต้องการเทรด, มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะวาดขึ้นพิมพ์เขียวของคุณโดยตอบคำถามต่อไปนี้:
•ฉันมีเงินสำหรับเทรดเท่าไหร่?
•จำนวนเงินเท่าไหร่ที่ฉันคาดหวังที่จะทำให้ผลตอบแทน% และในสกุลเงินดอลลาร์?
•ฉันจะบรรลุผลที่ต้องการได้อย่างไร?

สมมติว่าคุณได้ตัดสินใจว่าคุณต้องการเทรดแบบ Part Time เพื่อหาเงินพิเศษ
สิ่งแรกที่ต้องตัดสินใจคือ คุณต้องมีเงินเท่าไหร่ที่จะใช้ในการเทรด เราจะเจาะลึกลงรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับเงินทุนที่เพียงพอในส่วนถัดไป แต่สำหรับตอนนี้ให้เราคิดว่าเรามีเงิน $ 5,000

คำถามต่อไปคือการกำหนดกำไรที่คุณคาดหวังจากการเทรดโดยใช้เงิน $5,000 ก้อนนี้ การเทรดควรจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฝากเงินในธนาคาร ดังนั้นมันจึงยุติธรรมที่จะคาดหวังว่าคุณจะทำกำไรได้มากกว่า 5% ต่อปี

แต่สิ่งที่คุณควรคาดหวังให้มากกว่านี้คืออะไร? เช่นคุณต้องการที่จะทำเงินสดเพิ่มให้ได้ $250 ต่อสัปดาห์ แล้วผลตอบแทนรวมทั้งปีควรจะเป็นเท่าไร

ถ้าคุณทำกำไรได้ $250 ต่อสัปดาห์ สำหรับ 50 วีค สมมติว่าคุณหยุดพักผ่อนสัก 2 สัปดาห์ แล้วคุณจะทำเงินได้ทั้งหมด 50 x 250$ = $12,500 หรือประมาณ $1,000 ต่อเดือน ในสกุลเงินดอลลาร์มันดูก็เหมือนว่าเหมาะสม

เมื่อลองคิดผลตอบแทนในรูปของเปอร์เซ็นต์แล้ว มันจะเป็น $12,500 / 5,000$ X 100 = 250% อืมม! มันช่างดีอะไรเช่นนี้? โปรดจำไว้ว่าผู้จัดการทางการเงินที่ดีสุด, สามารถสร้างรายได้ 25% - 30% ต่อปี, ดังนั้น 250% จึงเป็นอะไรที่สุดยอดเหลือประมาณ

มาถึงตอนนี้, ให้เราพยายามที่จะกำหนดวิธีการที่จะทำให้เราสามารถบรรลุถึงเป้าหมายนี้
อันดับแรก, คุณจะต้องตัดสินใจว่ารูปแบบของการเทรดแบบไหนที่คุณสนใจ
คุณจะเล่น day trade ใช่มั้ย?
หรือคุณจะเล่น swing trade?
หรือคุณต้องการเทรดโดยซื้อๆขายๆภายในเวลาไม่กี่วัน?
หรือคุณจะซื้อแล้วถือตามแนวโน้ม?

คุณยังจำชุดทักษะ 1 ได้มั้ย, ที่ว่าด้วยการระบุความหลงไหลของคุณ เราจะลองเดาว่าคุณชอบเล่น swing trade บางทีคุณอาจต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากบัญชีของคุณ โดยจัดให้มีการใช้มาร์จิน 2: 1 ซึ่งหมายความว่าในส่วนทุนของคุณ $5,000 คุณยังสามารถเทรดได้ถึง 10,000$ แต่คุณจะไม่สามารถเทรดได้มากกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ลองตรวจสอบกับโบรกของคุณเกี่ยวกับกฎการเทรดนี้

เพื่อที่จะทำเงินให้ได้ $250 ต่อสัปดาห์, คุณจะต้องพิจารณาถึงวิธีการของคุณ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่คุณจะต้องรู้ว่า "ความคาดหวัง" หรือประสิทธิภาพการเทรดนั้น, คุณสามารถคาดหวังว่ามันจะประสบความสำเร็จได้จริง

ผมเชื่อว่ามันมีความปลอดภัยถ้าจะคิดแบบอนุรักษ์นิยมในการประมาณวิธีที่ดีที่คุณจะดำเนินการ
ถ้าคุณทำผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ 20% ต่อปีอย่างต่อเนื่อง คุณจะสามารถเอาชนะมืออาชีพในตลาดในจำนวน 95% ได้เลย

เมื่อมีการเขียนเป้าหมายระยะยาวของคุณลงไปแล้ว, คุณจะต้องนำเงินเข้าบัญชีเพื่อทำการเทรด,  เตรียมวิธีการเทรดที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ, และความกระหายต่อความเสี่ยงของคุณ-เพื่อตรวจสอบสิ่งที่คุณจะต้องทำเพื่อให้บรรลุผลที่คุณต้องการ

ในทักษะชุดที่ 2 คุณได้เรียนรู้ที่จะมีความคาดหวังที่เป็นจริง, โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเพิ่งเริ่มต้นอาชีพการเทรดของคุณและไม่มีประสบการณ์มาก

ครั้งหนึ่ง, ผมเคยถูกสอบถามจากเทรดเดอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยความหวัง,  เธอมีเงิน $1,000 ถ้าเธอคาดหวังว่าจะทำเงิน $500 ต่อสัปดาห์, มันจะเป็นไปได้หรือไม่?

เห็นได้ชัดว่าเทรดเดอร์รายนี้กำลังทำให้ตัวเองได้รับความผิดหวัง, โดยเฉพาะอย่างยิ่งเธอไม่มีประสบการณ์ในการเทรดแม้แต่นิดเดียว

เมื่อคุณได้ตั้งความคาดหวังที่เป็นจริงสำหรับผลการเทรดของคุณ, แล้วมันก็จำเป็นที่จะต้องคิดให้ออกว่าคุณจะบรรลุผลเหล่านี้ได้จริง ให้ถามตัวเองต่อไปนี้:
• ตลาดแบบไหนที่ฉันควรเทรด?
• สิทธิประโยชน์แบบไหนที่ฉันควรใช้?
• time frame แบบไหนที่ฉันสามารถเทรด ?
• ขนาดของโพสิชั่นใหญ่แค่ไหนที่ฉันควรใช้
• ฉันสามารถทนความเสี่ยงได้มากขนาดไหน?
คุณจำเป็นต้องมีประสบการณ์บางอย่างเพื่อที่จะตอบคำถามทั้งหมดเหล่านี้ หากคุณยังไม่สามารถตอบได้, ก็ให้พยายามหาใครสักคนที่สามารถ มันจะช่วยให้การเริ่มต้นอาชีพเทรดของคุณดำเนินได้อย่างราบรื่น

Tuesday, April 18, 2017

ทักษะของเทรดเดอร์ผู้รอบรู้: การพัฒนา mindset

ทักษะชุดที่ 2: การพัฒนา mindset ของเทรดเดอร์
ความหมายของ mindset
The American Heritage Dictionary ให้ความหมายของคำนี้สองแบบ:
•ทัศนคติอันคงที่ หรือเจตจำนงของบุคคลในการแสดงออกตอบโต้และตีความสถานการณ์นั้น
•ความโน้มเอียงหรือนิสัย
จากนิยามนี้ผมอนุมานว่าทัศนคติก็คือนิสัย เมื่อใดที่เราสามารถเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง-เราจึงสามารถเปลี่ยนนิสัยของเราได้

คิดว่านิสัยเป็นเหมือนร่องล็ก ๆ แบบเดียวกับที่เราทำวุ้น Jell-O ด้วยปืนบัดกรี ยิ่งเราคิดเรื่องคิดเดียวกันหลายๆครั้ง หรือทำสิ่งเดียวกันซ้ำๆ เราได้เซาะร่องรูปแบบไว้ในคลังความทรงจำของเรา การจัดเรียงร่องแบบนี้มาจากรูปแบบของพฤติกรรม ยิ่งร่องลึกมาก,รูปแบบพฤติกรรมของเราก็ยิ่งฝังแน่นเท่านั้น
เทรดเดอร์ทุกคนต้องมีสี่รูปแบบของพฤติกรรมต่อไปนี้ ที่ฝังแน่นในจิตใจของเขา
1. ความมีระเบียบวินัย
2. ความอดทน
3. ความเที่ยงธรรม
4. คาดหวังที่สมจริง
ลองมาแยกแยะแต่ละข้อกัน

วินัย
เราไม่ควรดูแคลนความสำคัญของการมีวินัย เพราะมันเป็นความสามารถของเทรดเดอร์ในการปฏิบัติตามแผน เมื่อคุณเตรียมแผนการเทรด, คุณจะต้องเผชิญกับภาระที่ชวนให้หวาดหวั่น-ก็คือการยึดมั่นในแผนของคุณตามหลักเกณฑ์ที่คุณตั้งไว้ตั้งแต่ต้น

ในเมื่อการเทรดนั้นต้องการระเบียบวินัยของการกระทำสิ่งบางบางอย่าง, เช่นความเคารพต่อ stop loss, มันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้เพราะสภาพจิตใจของคุณใด้ตอบสนองต่อสัญญาณที่เกิดขึ้น ดังนั้นหลายครั้งที่แม้เทรดเดอร์จะมีการตั้ง stop ไว้แล้วก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทำตามเพราะสองจิตสองใจ เทรดเดอร์หน้าใหม่หลายคนก็ไม่อาจยอมรับสูญเสียและดังนั้นจึงค่อนข้างจะเชื่อว่าตลาดจะกลับมาวิ่งเข้าข่างตัวเอง ด้วยความหวังว่าเดี๋ยวก็จะกลับมามีกำไร

หลายครั้งที่ตลาดจะเบี่ยงเบนไปจากสิ่งที่คุณได้การวางแผนไว้และคุณจะต้องตัดสินใจว่าจะทำตามแผนของคุณหรือปรับแผนของคุณเป็นไปตามเงื่อนไขใหม่

อย่างชอบด้วยเหตุผล,คุณรู้ว่าตัวเองต้องการที่จะดำเนินธุรกิจการเทรดตามแผนของคุณ แต่อารมณ์จะอยู่เหนือคุณและคุณก็จะมีใจโอนเอียงไปเลือกปฏิบัตตามนิสัยที่คุณชอบ

การตัดขาดทุนให้เร็วที่สุด แต่ปล่อยให้ผลกำไรวิ่งต่อไป, เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่จะทำได้อัตโนมัติ แต่เทรดเดอร์มือใหม่ส่วนมากจะทำตรงข้าม พวกเขาจะปล่อยให้ขาดทุนวิ่งต่อแต่ทำกำไรให้ไวที่สุด
เหตุผลของพฤติกรรมนี้จะหยั่งรากลึกอยู่ในใจหรือ mindset ของเทรดเดอร์ พวกเขาได้รับการสั่งสอนว่า พวกเขาไม่ล้มละลายจากการทำกำไร ดังนั้นพวกเขาจึงชอบรีบขายทำกำไรตั้งแต่เนิ่นๆแม้จะน้อยนิดก็ตาม ปัญหาของตรรกะนี้ก็คือว่าแค่คุณขาดทุนครั้งใหญ่ทีเดียวมันก็กวาดเอากำไรเล็กๆน้อยไปเสียหมด แถมอาจขาดทุนเพิ่มอีกด้วยซ้ำ

ในทางตรงกันข้าม, มีเทรดเดอร์จำนวนมากยืนยันว่าพวกเขาก็ไม่สามารถตัดขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเพราะมันเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้การเทรดนั้นยังมีโอกาสที่จะทำงานออกมาให้สอดคล้องกับสิ่งที่พวกเขาได้วางแผน พวกเขาสรุปแบบนี้เพราะเคยคัทแล้วราคาดีดกลับแถมวิ่งไปไกลกว่าเดิมอีก  ในกรณีดังกล่าว, ถ้ามันเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งครั้ง, ก็จะกลายเป็นเงื่อนไขที่จะทำให้เชื่อว่าการปล่อยให้ขาดทุนนั้นไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรเลย

การมีวินัยไม่ได้เป็นกระบวนการของการคิดในเชิงบวก ในระดับที่มีเหตุผลแล้ว, ทุกคนเชื่อว่าพวกเขาจะต้องปฏิบัติตามแผนการของพวกเขา แล้วทำไมอื่นคุณจะต้องวางแผนในเมื่อที่สุดแล้ว-คุณก็ไม่ได้ตั้งใจปฏิบัติตามมัน? อย่างไรก็ตาม, การมีระวินัยเป็นผลมาจากเงื่อนไข, และที่คุณเห็นในการทดลองของพาฟโลฟ, เงื่อนไขเป็นผลมาจากการทำซ้ำๆ

ปัญหาเกี่ยวกับการทำซ้ำก็คือการทำใจยอมรับความผิดซ้ำๆ เช่นเดียวกับยอมรับการทำถูกต้องแบบซ้ำๆ หากคุณเก็บการกระทำที่ไม่ถูกต้องซ้ำๆ, ความจำของคุณจะกลายเป็นเงื่อนไขที่จะตอบสนองต่อการป้อนข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

การมีวินัยได้รับการพัฒนาโดยการสร้างแผนและติดตามมันโดยไม่คำนึงถึงความแปรปรวนของตลาด ตอนเริ่มต้นมันจะเป็นเรื่องยาก, เพราะต้องเอาชนะนิสัยเดิมให้ได้ก่อน แต่หลังจากที่คุณเทรดได้ดีหลายๆครั้ง ทุกอย่างก็จะดำเนินการสอดคล้องกับแผนของคุณ, ใจคุณจะเริ่มฟอร์มรูปแบบนิสัยใหม่ที่จะเสริมสร้างทักษะการเทรดที่เหมาะสม

อีกหนึ่งความจริงที่น่าสนใจมากก็คือ, จิตใต้สำนึกไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างประสบการณ์จริงและสิ่งที่มองเห็น การแสดงผลที่เกิดขึ้นจริงหรือสิ่งที่มองเห็น-ได้ถูกรวบรวมโดยความรู้สึกแล้วไปเก็บไว้ในหน่วยความจำ

โดยการฝึกทำในสิ่งที่ถูกต้องผ่านการเทรดจำลอง, คุณสามารถสร้างรูปแบบนิสัยเดียวกันราวกับว่าคุณได้เทรดจริง

อีกครั้ง, ถ้าคุณฝึกผิดขั้นตอน, คุณจะโปรแกรมหรือจำลองสภาพที่ไม่ถูกต้องไปเก็บไว้ในใจของคุณ
มันไม่ได้เป็นเพียงคำถามของความคิดเกี่ยวกับการมีวินัยเมื่อคุณเทรด, แต่การรู้วิธีปรับสภาพวินัยให้ประทับเข้าไปในใจของคุณต่างหาก-จะทำให้คุณเทรดได้อย่างมีวินัย

ความอดทน
คุณลักษณะที่สำคัญต่อไปคือ "ความอดทน." มันบอกว่าคนที่รู้จักรอ-จะได้ทุกอย่าง แต่ความอดทนเป็นอีกหนึ่งของคุณลักษณะที่คุณไม่สามารถเพียงแค่คิดว่ามันดำรงอยู่ ความอดทนเป็นคุณสมบัติของบุคลิกภาพส่วนบุคคล บางคนมีความอดทนมากกว่าคนอื่น ๆ อย่างไรก็ตามการเทรดต้องอาศัยความอดทน ที่จะสามารถนั่งรอให้ตลาดถูกต้อง, มีอำนาจต่อรองสูง, เห็นโอกาสก่อนที่จะเข้าเทรด

Monday, April 17, 2017

ทักษะของเทรดเดอร์ผู้รอบรู้ หาความหลงไหลของคุณ

ทักษะชุดที่ 1: ค้นหาความหลงไหลของคุณ
คุณอาจจะแปลกใจที่ผมบอกว่า "ความหลงไหล" เป็นชุดทักษะส่วนบุคคล ความหลงไหลเป็นอารมณ์ที่รุนแรงเป็นความรู้สึกที่น่าสนใจ, ความปรารถนาที่กระตือรือร้น หรือความต้องการที่แข็งแกร่งสำหรับบางสิ่งบางอย่าง มันเป็นส่วนผสมที่จำเป็นเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจให้คุณกลายเป็นสุดยอดในสิ่งที่คุณเลือกที่จะทำ เช่นเดียวกับยีสต์ในขนมปังที่ทำให้แป้งขยายตัวสูงขึ้น, ดังนั้นความหลงไหลคือพลังภายในที่ช่วยให้คุณมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของคุณนานพอสำหรับคุณเพื่อให้ตระหนักถึงความสำเร็จ

ความหลงไหลเป็นทักษะลำดับแรกของเทรดเดอร์เก่งในสิบชุดทักษะที่คุณจะต้องมีการพัฒนา หากขาดมันแล้ว,มันจะเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ความคืบหน้าในอาชีพการเทรดของคุณ ผมแน่ใจว่าคุณเคยได้ยินหลายครั้งว่ามันเป็นสิ่งสำคัญที่จะรักในสิ่งที่คุณกำลังทำ ด้วยวิธีนี้งานจะกลายเป็นเล่น ดังนั้นในแต่ละวันเมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณสามารถมองไปข้างหน้าเพื่อโอกาสที่จะทำสิ่งที่คุณรักให้ดีที่สุด

ทำไมผมคิดว่าความหลงไหลเป็นทักษะส่วนบุคคล? เพราะมันเป็นไปได้สำหรับคุณที่จะพัฒนาความหลงไหลจากภายใน คุณสามารถเรียนรู้ที่จะรักในสิ่งที่คุณกำลังทำนั่นเอง

"ครอสบี สติล และแนช" เขียนเพลงที่มีคำว่า "ถ้าคุณไม่สามารถอยู่กับคนที่คุณรัก,แล้วรักคนที่คุณอยู่ด้วยกัน" นี่คือบทเรียนที่ลึกซึ้งสำหรับทุกชีวิตเพราะมันจะนำไปสู่ความพึงพอใจส่วนตัว และความสงบของจิตใจ สิ่งนี้จะช่วยให้เราทุกคนที่จะเป็นคนที่ดีที่สุดของเราและทำอย่างดีที่สุด

เมื่อมันมาถึงการเทรด, ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างกันมากมาย, ระเบีบยวิธีและตลาดที่เทรดเดอร์แต่ละคนต่างมีโอกาสที่จะหารูปแบบเฉพาะที่เหมาะกับบุคลิกของเขา สิ่งนี้เป็นทักษะที่จำเป็น คุณจะต้องจับคู่กับรูปแบบของการเทรดและตลาดที่คุณต้องการเพื่อเทรดตามบุคลิกของคุณเอง

สำหรับใครบางคน, มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นที่จะนั่งตลอดทั้งวันหน้าจอคอมพิวเตอร์และจะเข้าซื้อขายในโอกาสที่แตกต่างที่เกิดบนกราฟห้านาที 

สำหรับใครคนอื่นๆ มันน่าสนใจมากขึ้นในการซื้อหรือขายสินค้าโภคภัณฑ์หรือหุ้นและถือสถานะไปจนกว่าพวกเขาจะได้รับสัญญาณให้ออก, ซึ่งอาจจะเป็นในวันหรือสัปดาห์ต่อไปในอนาคต

เนื่องจากคำว่า "การเทรด" หมายถึงการซื้อและการขาย, มักจะมีเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็งกำไร, ดูเหมือนว่าเป็นตรรกะเพื่อที่จะเป็นผู้ซื้อหรือผู้ขายที่ดี, ที่คุณต้องการที่จะรักกระบวนอันจะนำไปทำซ้ำแล้วซ้ำอีกได้

ทุกการเทรดที่คุณทำแต่ละครั้งควรจะอยู่ในพื้นที่ที่คุณสนใจ; ที่ซึ่งคุณพบว่าน่าดึงดูด ตัวอย่างเช่น, ถ้าคุณรักการศึกษาบริษัท, ต้องการทราบเกี่ยวกับการจัดการ และวิธีการดำเนินธุรกิจของพวกเขา, และรู้สึกว่าคุณเข้าใจรูปแบบธุรกิจและการตลาดที่บริษัทนั้นดำเนินการแล้วอย่างชัดเจน, คุณจะมีความได้เปรียบเมื่อซื้อหรือขายหุ้นของบริษัทนั้น หากนี่คือความหลงไหลของคุณ, ถ้านี่คือสิ่งที่คุณรักที่จะศึกษาและวิเคราะห์แล้ว

สิ่งนี้จะอยู่ในพื้นที่ที่คุณควรเน้นทักษะการเทรดของคุณ
ในอีกด้าน, หากคุณอาจชอบฟังข่าวและตอบสนองต่อวิธีการที่จะมีผลกระทบต่อสินค้าโภคภัณฑ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นหรือสกุลเงิน ความสนใจเรื่องนี้คือสิ่งที่คุณควรจะแปลมันไปเป็นแบบการเทรดและระเบียบวิธีของคุณ สำหรับเทรดเดอร์บางส่วน, การซื้อหรือการขายตามสัญญาณที่สร้างขึ้นจากรูปแบบกราฟแผนภูมิและอินดิเคเตอร์คือสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าน่าสนใจ ดังนั้น,พวกเขากำลังเตรียมที่จะนำไปใช้เป็นพลังงานให้เข้ากับสไตล์ของการเทรด

มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะเข้าใจในจุดนี้ว่ามันไม่ได้เป็นระเบียบวิธี แต่ด้วยเสน่ห์,ความกระตือรือร้น,และความปรารถนาที่จะต้องการที่จะครอบครองตัวเองให้ทำสิ่งที่คุณรักที่จะทำ

ผู้เทรดเดอร์จำนวนมากมาซื้อขายเพราะพวกเขารู้สึกว่ามันเป็นวิธีที่จะสร้างกระแสเงินสดพิเศษ คนอื่น ๆ มาซื้อขายเพราะพวกเขาอยากมีวิถีการดำเนินชีวิตที่ถูกเสนอสู่สาาธารณะ,เช่นการทำงานจากที่บ้านหรือการเชื่อมต่อไปยังตลาดผ่านทางอินเทอร์เน็ต เหล่านี้เป็นเหตุผลที่ถูกต้องสำหรับต้องการที่จะพิจารณาเพื่อเทรดเป็นอาชีพ แต่อย่างไรก็ตาม,การเทรดยังเป็นการหยุดยาวของคุณ - อาชีพของคุณ คุณจะต้องพบในการซื้อขาย,ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบหุ้น,พันธบัตร,หรือสินค้าโภคภัณฑ์,สกุลเงิน,การวนเวียนของสิ่งเหล่านี้ที่จะเป็นสาเหตุให้คุณต้องการที่จะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำงาน

เทรดดิ้งต้องการการวางแผน,เตรียมการและการปฏิบัติ มันต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์เพื่อที่จะได้รับความรู้ความเข้าใจในตลาด เพื่อที่จะทำเตรียมการที่จำเป็นและการวางแผนคุณจะต้องมีแรงบันดาลใจในความต้องการที่จะทำมัน หากปราศจากแรงบันดาลใจแล้ว,มันเป็นเรื่องยากที่จะโฟกัสและอยู่กับมันได้ยาวนาน ผมขอแนะนำให้คุณพิจารณาพื้นที่ที่คุณมีความสนใจและเริ่มต้นจากตรงนั้น

เมื่อคุณได้ค้นพบสิ่งที่เหมาะกับธรรมชาติของคุณ,ก็จะพบว่ามันเป็นเรื่องง่ายที่จะเตรียมความพร้อมแผนการเทรดของคุณและง่ายต่อการทำให้มันสำเร็จได้

Sunday, April 16, 2017

เทรดเดอร์ผู้รอบรู้ 2

บทนำ
เทรดเดอร์ไม่ได้ต้องการสิ่งอื่นใดนอกจากเทรดแล้วได้กำไร 
ทว่า,ในบางจังหวะพวกเขาทุกคนก็มีขาดทุน ความท้าทายที่แท้จริงสำหรับอาชีพนี้ก็คือการได้กำไรมากกว่าที่ขาดทุน ใครก็ตามทำเช่นนี้ได้-เขาจะประสบความสำเร็จ การจะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จมันจำเป็นที่จะต้องเข้าใจ-ไม่เพียงแต่ศิลปะของการกำไร แต่รวมถึงศิลปะของการขาดทุนด้วย

เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และความคิดสร้างสรรค์ในอาชีพของเขา เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ในแง่ที่ว่าวิธีการซื้อขายเป็นไปตามวัตถุประสงค์และเหตุผล และก็ยังมีความมั่นใจว่าวิธีการของเขามีความสามารถที่จะทำเงินได้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เขาเป็นคนเก่งในแง่ที่ว่าเขามีความหยั่งรู้เข้าใจตลาดในแนวทางที่เขาเทรด, ระดับของความกล้าได้กล้าเสีย, เขารู้สึกได้ว่าเมื่อไหร่ควรเทรดและเมื่อไหรควรปล่อยให้มันผ่านไป

คุณสมบัติเหล่านี้ได้รับการพัฒนาผ่านการเตรียมพร้อมอย่างระมัดระวัง, การฝึกปฏิบัติ, การพากเพียร และมีความหลงไหลอย่างมาก

การฝึกปฏิบัติเพื่อรวมเอาทั้งศาสตร์และศิลป์ของการซื้อขายคือสิ่งที่ขัดเกลาทักษะของนักเก็งกำไรคนหนึ่งให้กลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

การที่จะเป็นช่างฝีมือ, คุณจะต้องได้รับแรงบันดาลใจและมีความหลงไหล

คุณไม่สามารถกลัวที่จะเสี่ยง แต่คุณต้องมีความเคารพมากพอต่อตลาดที่จะรู้ว่าการบริหารความเสี่ยงมีความจำเป็น จะทำเงินจากการเทรดต้องกล้าเสี่ยง

แต่การเทรดที่ดีมีมากกว่านั้น, มันต้องการความสามารถในการบริหารจัดการความเสี่ยง
แน่นอนว่า,ชีวิตเต็มไปด้วยความเสี่ยง - เกือบตลอดเวลา, คนที่กล้าเสี่ยงที่มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับความเสี่ยงก็คือว่ามันจะเป็นที่ยอมรับเฉพาะเมื่อมันสามารถวัดได้
หากความเสี่ยงสามารถวัดได้, มันก็สามารถบริหารจัดการได้ ดังนั้นจากการยอมรับความเสี่ยงและการจัดการที่เหมาะสม ความสำเร็จก็จะตามมาเอง
.
เทรดเดอร์เกือบทุกคน, ทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ, มักหาเหตุผลเข้าข้างการตัดสินใจของตนเอง, โดยการรวบรวม, การถอดรหัส และการตัดสินข้อมูลมาจากทั่วทุกมุมโลก ข้อมูลจากภายนอกนี้จะถูกเก็บรวบรวมและเผยแพร่โดยผู้ให้บริการข้อมูล, สื่อ, เกจิและบุคคลภายใน

แหล่งที่มาทั้งหมดเหล่านี้จะมีส่วนร่วมในการรายงานข้อมูล และในบางกรณีก็ถูกแฝงความคิดเห็นเข้ามาด้วย

คนส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะยอมรับข้อมูลนี้ว่าเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด จึงมีบ่อยครั้งมราแม้ว่าคิดเห็นของพวกเขามีความขัดแย้งกัน ยิ่งมายิ่งความสับสนมากขึ้นก็ตาม

ทุกคนล้วนมีความคิดเห็นของตนเอง ความคิดเห็นเหล่านี้จะก่อตัวขึ้นผ่านตัวกรองของพวกเขาเสมอ แต่คนส่วนใหญ่มักเชื่อว่าพวกเขามีการตัดสินใจที่มีเหตุผล, จนกว่าพวกเขาจะ 'ลงมือทำ' จึงรู้ตัวว่าการตอบสนองนั้นมักจะเกิดจากอารมณ์เสมอ

เพื่อหาชนิดของความมั่นคงทางอารมณ์ในทะเลของการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง, คุณต้องการหารูปแบบของจุดยึดบางส่วน สำหรับเทรดเดอร์ส่วนใหญ่,จุดยึดก็คือราคาและกราฟ

กราฟจะกลายเป็นหน้าจอเรดาร์ที่ใช้ในการทำนายหรือการบันทึกการเคลื่อนที่ของราคาและวอลุ่มในช่วงเวลาหนึ่ง สิ่งนี้จะให้มุมมองทางประวัติศาสตร์ที่ถูกต้อง
กราฟเป็นการบันทึกว่าตลาดมีการซื้อขายจริง และไม่อยู่ภายใต้ความเห็นของกูรู
อย่างไรก็ตามชาร์ตก็มีปัญหาของตัวเอง มันบอกได้แค่อดีต ราคาล่าสุดถูกบันทึกไว้ที่ขอบด้านขวาของหน้าและไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตราคาจะวิ่งไปทางไหน

รูปแบบที่สามารถพบได้ในชาร์ต, ร่วมกับอินดิเคเตอร์หลายร้อยตัว, เป็นผลจากการคำนวนราคาและข้อมูลการซื้อขาย นี่เป็นต้นตอที่ทำให้เทรดเดอร์พบปัญหา แทนที่จะพัฒนาความเข้าใจตลาดที่พวกเขาต้องการเทรด, พวกเขามุ่งเน้นไปที่แพทเทิร์นและอินดิเคเตอร์ในความหวังว่าพวกมันจะบอก, ด้วยความเชื่อมั่นร้อยเปอร์เซ็นต์, ว่าราคาจะวิ่งไปทางไหน การค้นหาแพทเทิร์นหรืออินดิเคเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ-คล้ายกับการค้นหาจอกศักดิ์สิทธิ์หรือลูกบอลคริสตัลที่จะช่วยให้พวกเขาที่จะมองเห็นอนาคตนั่นเอง

จะบอกความจริงให้, ข้อมูลการตลาดมันมีที่อยู่แน่นอน, ส่วนแผนภูมิราคาและอินดิเคเตอร์นั้นตราบเท่าที่เทรดเดอร์ได้ตระหนักว่าไม่มีเทคนิคไหนที่ผิด พวกมันจะถูกเป็นส่วนมาก (แต่ก็ยังจะผิดได้ในบางเวลา)
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ยังคงเชื่อว่าสิ่งที่เขาต้องการเพื่อจะเทรดประสบความสำเร็จคือการหาสูตรวิเศษ การรวมกันของเทคนิคอลอินดิเคเตอร์ที่เฉพาะเจาะจงและชาร์ทแพทเทิร์น, เมื่อถูกค้นพบแล้ว, จะช่วยให้เขามีความสามารถในการชิงไหวชิงพริบในตลาดและเทรดเดอร์ด้วยกัน

แต่อะไรคือสิ่งที่เทรดเดอร์จะทำเมื่อต้องเผชิญกับความเป็นจริงที่ว่าเขาคือเขาได้เทรดในตลาดเดียวกับนักคณิตศาสตร์ MIT, กองทุนควอนท์หรือสถาบันขนาดใหญ่ที่มีการระดมทุนและการเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยสมบูรณ์ที่สุดเมื่อเทียบกับทรัพยากรและ ความสามารถของเทรดเดอร์แต่ละราย?
มีวิธีการไหนบ้างที่บุคคลธรรมดาๆที่นั่งอยู่ในบ้านสามารถเข้าถึงข้อมูลในระดับเดียวกันเทรดเดอร์ระดับมืออาชีพบ้างล่ะ?

มันช่างเป็นความท้าทายของการเทรดยิ่ง-แต่ก็สามารถทำได้ เพื่อเพิ่มความมั่นใจของคุณ, คุณต้องจดจำครั้งที่มืออาชีพต้องการหลังจากเทรดเดอร์ขาดทุน พวกเขายังต้องการทักษะเดียวกันกับเราที่เป็นเทรดเดอร์รายย่อย

สำหรับเทรดเดอร์ที่จะประสบความสำเร็จเขาจะต้องใช้วิธีการที่เหมาะสมและมีเหตุผล
วิธีการนี้จะเป็นพื้นฐานของการสร้างรากฐานที่มั่นคงอันจะทำให้เขาสามารถพัฒนาฝีมือ โดยไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะต้องจะขาดทุนจนป่นปี้
โดยรากฐานนั้นจะเริ่มขึ้นในใจของเทรดเดอร์นั่นเอง

ด้วยสไตล์การเทรดที่มีนับร้อยหรือจำนวนวิธีการที่ไม่สิ้นสุด, ความเป็นพิเศษของตลาดในแต่ละช่วงเวลาไม่ซ้ำกัน, เทรดเดอร์ที่มี mindset ในการซื้อขายที่เหมาะสมอันจะยกระดับตัวเองขึ้นไปอยู่ระดับบน
ใช่…., ความสำเร็จเริ่มต้นและสิ้นสุดในใจของเทรดเดอร์เอง

ผมไม่ได้บอกว่าการจะเป็นเทรดเดอร์ที่ดีนั้น-ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ดี ช่างไม้จะทำเก้าอี้ที่งดงามไม่ได้หากไร้ซึ่งเครื่องมือที่ดี? อย่างไรก็ตาม,ไม่ว่าจะวิธีการที่ดีหรือเครื่องมือที่ดีแค่ไหนก็ตาม,ชิ้นงานก็ไม่สมบูรณ์แบบถ้ามันอยู่ในมือของช่างฝีมือที่ขาดความชำนาญ

ในหน้าต่อไป, ผมจะร่างสิบชุดทักษะที่สำคัญที่มีความจำเป็นในการสร้างธุรกิจการเทรดที่แข็งแกร่ง มันคือความพยายามที่คุณจะต้องสังเกตการกระทำตัวเองและต้องพึ่งพาตัวเองเพื่อตอบสนองต่อตลาดโดยการเทรดที่ปราศจากอคติตามแผนของคุณเอง โดยมีมีทั้งทักษะทางจิตและการปฏิบัติเพื่อเรียนรู้

มันเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อเทรดเดอร์จะต้องตระหนักว่า
a) คุณต้องตั้งเป้าหมายของคุณ
b) คุณต้องกำหนดแผนของคุณ
c) คุณดำเนินการเทรดของคุณและเหนือสิ่งอื่น
d) คุณต้องจัดการความเสี่ยงของคุณ
ความรับผิดชอบนี้, เมื่อได้รับการยอมรับอย่างสมบูรณ์, มันจะนำไปสู่การเทรดที่ประสบความสำเร็จและทำกำไรโดยไม่คำนึงว่าตลาดมีเงื่อนไขอะไรบ้าง

เทรดเดอร์หลายคนมีความรู้สึกผิดที่เตรียมการไม่ถูกต้องหรือไม่ให้ความสนใจชุดทักษะที่สำคัญมากพอ ชุดทักษะเหล่าหากแยกจากกันก็จะไม่สมบูรณ์ พวกมันรวมตัวเป็นวิธีการที่ครอบคลุมเพื่อการเทรด

ผมได้นำเสนอทักษะเหล่านี้ในลำดับที่เฉพาะเจาะจง, ซึ่งผมขอแนะนำให้คุณทำตามเพราะแต่ละชุดทักษะที่นำไปสู่ทักษะต่อไป บางส่วนของทักษะเหล่านี้อาจดูเหมือนชัดเจนสมบูรณ์ เทรดเดอร์บางคนจะต้องเตรียมมากขึ้นในพื้นที่หนึ่งมากกว่าอีกที่หนึ่ง
ควรประเมินตนเองซื่อสัตย์ เพื่อที่คุณจะพบว่าตัวเองขาดทักษตัวไหนบ้าง การมีวินัยในการฝึกหรือการพัฒนาชุดทักษะที่คุณขาดมักจะเป็นหนึ่งที่ต้องการการปฏิบัติมากที่สุดและสิ่งที่คุณจะลังเลก็ควรจะปฏิบัติให้มากที่สุด

ถ้าคุณยังใหม่กับการเทรด, หรือแม้กระทั่งถ้าคุณมีประสบการณ์ในการซื้อขายมากพอ, เทรดเดอร์หัวกระทิทุกคนมีสิบชุดทักษะเหล่านี้หมด, หากคุณมีพื้นฐานการเทรดที่แข็งแกร่ง-ก็จะสามารถที่จะสร้างอาชีพการเทรดที่คุ้มค่าได้ในระยะยาว

Saturday, April 15, 2017

เทรดเดอร์ผู้รอบรู้

The Artful Trader

เช่นเดียวกับการเประกอบกิจการครั้งใหม่,ทุกคนต้องมีพื้นฐานที่เหมาะสม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเริ่มธุรกิจเทรดโดยไร้ซึ่งการเตรียมการที่เพียงพอ หรือไม่รู้ว่าตลาดมันทำงานยังไง หรือคนที่เข้ามาร่วมวงในตลาดเป็นใคร และทำไมพวกเขาจึงเทรด หรือ วิธีการหาความน่าจะเป็นสูงสุดจากการเทรด

เมื่อไม่มีรากฐาน-คนส่วนใหญ่จึงดิ้นรน เหนือสิ่งอื่นใด,เทรดเดอร์มือใหม่ที่มีความเข้าใจและสามารถจัดการความคิดและอารมณ์ของตัวเอง-ก็สามารถประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก

ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์ของหนังสือเล่มเล็ก ๆ นี้เพื่อเน้นทักษะที่สำคัญที่เทรดเดอร์ทุกคนต้องการเพื่อที่จะเก่งในเรื่องของการเทรด ความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานหรือการวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือวิธีการใช้แพลตฟอร์มการเทรดของคุณ แต่เกี่ยวกับวิธีการเตรียมความพร้อมทางจิตใจตัวเองที่จะเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ

มนุษย์ทุกคนนั้นยากที่จะรู้สึกถึงอารมณ์ที่แท้จริง อารมณ์เหล่านี้สามารถครอบงำเมื่อมีการเข้าซื้อขายในตลาด

การทำความเข้าใจวงจรนี้เป็นขั้นตอนแรกในความสามารถในการจัดการกับมันได้ หากคุณถูกกระตุ้นให้ตอบสนองทางอารมณ์เหล่านี้แล้วคุณจะไม่สามารถขจัดมัน แต่คุณสามารถแปลงพวกมันให้บริการคุณในทางที่สร้างสรรค์มากกว่าการช่วยให้พวกมันควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือความคิดของคุณ
ความหวัง

ทุกคนเริ่มต้นด้วยความหวังว่าพวกเขาจะสามารถที่จะเลือกการเทรดที่ทำกำไรได้ ความหวังชนิดนี้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสร้างแรงบันดาลใจ ความหวังช่วยให้คุณก้าวไป อย่างไรก็ตามมีความแตกต่างระหว่างความหวังที่มีเหตุผลและความหวังของคนไร้เหตุผลซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการคิดนึกอยากเป็นครั้งคราว ถ้าคุณมีการเสริมสร้างชุดทักษะที่จำเป็น-คุณจะสามารถที่จะทำให้การตัดสินใจมีเหตุผลขึ้น รวมทั้งการบริหารความเสี่ยงโดยไม่ต้องถูกทำให้หลงผิดโดยความหวังที่ไม่สมจริง

ความโลภ
ถ้าคุณเข้าซื้อขายโดยอยู่บนพื้นฐานของการวางแผนที่เหมาะสมแล้วคุณได้นำความหวังเข้าไปในมุมมองที่ถูกต้อง คุณจะได้รับการทดสอบโดยอารมณ์ที่มีอำนาจเหนืออันดับที่สอง, มันคือความโลภ ความโลภมักจะคิดตามไปเป็นผลมาจากการเทรดที่ถูกทาง เราเริ่มต้นโดยการหวังว่าการเทรดของเราจะมีผลกำไรและแล้วเมื่อมันใช่, เราเริ่มที่จะเชื่อว่าเราเก่งกว่าใคร แล้วเรารู้สึกปรารถนาที่จะใช้เวลามากขึ้นจากตลาด นี่คือการตอบสนองตามธรรมชาติของผู้เทรดเดอร์ที่ดีทุกคนที่ต้องการเพิ่ม position ของเขาหรือยกระดับขนาดของ position ขึ้น ณ จุดนี้ในการเทรดเราสามารถทำตามแผนของเราหรือยอมจำนนต่ออารมณ์ความรู้สึกของความโลภ ความโลภจะผลักดันให้เทรดเดอร์ไม่สนใจแผนการของเขาและที่ใช้ position อันละเว้นการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมหรือมองข้ามความน่าจะเป็น

ความกังวล
เมื่อเทรดเดอร์ทนทุกข์กับความโลภและมีสัดส่วนการถือหุ้นมากเกินไป, ซึ่งเป็นผลมาจากการวางแผนที่ไม่เหมาะสม แล้วระดับความวิตกกังวลของเทรดเดอร์ก็จะเพิ่มขึ้น ความวิตกกังวลถูกขับเคลื่อนด้วยความกลัวสูญเสียกำไรหรือขาดทุน ยกเว้นกรณีที่เทรดเดอร์สามารถจัดการระดับความวิตกกังวลนี้โดยการ
โดยการตระหนักถึงสาเหตุของความวิตกกังวลและกลับเข้าสู่เหตุผลมากกว่ารูปแบบการจัดการอารมณ์

ความกลัว
ความกลัวมีพลังที่แข็งแกร่งกว่าความโลภเมื่อมันกลายเป็นที่ยึดที่มั่น เมื่อเทรดเดอร์เริ่มต้นการสูญเสียเงิน จากนั้นเขาได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อหยุดเลือด หากเทรดเดอร์จำนวนมากอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน, ซึ่งมักจะเป็นกรณีที่อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นฟองสบู่, แล้วผลที่ได้คือการล่มสลายของราคาอย่างหนักอันก่อให้เกิดปัจจัยความกลัวที่ขยายในวงกว้าง อันจะนำไปสู่​​การร่วงของราคาที่มากขึ้นและในที่สุดก็จะกลายเป็นความตื่นตระหนก

ความตื่นตระหนก
เมื่อความตื่นตระหนกถาโถมเข้าสู่ตลาด, เทรดเดอร์ที่วางแผนไม่ดีหรือไม่ได้วางแผนอะไรเลย, พบว่าตัวเองถูกบังคับให้ยอมจำนนการขาดทุนขนาดหนัก วงจรนี้ถือเป็นเรื่องปกติของความคิดแบบฝูงที่ทุกคนได้กระโดดขึ้นไปบนรถเพื่อพยายามทำเงิน, มักจะอยู่ในสถานการณ์ที่พวกเขามีการวางแผนเหตุผลที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีเลย

โดยการจัดการอารมณ์ของคุณเองและด้วยการมีระเบียบวินัย, อดทน, มีวัตถุประสงค์และมองโลกในแง่, จริงคุณสามารถหลีกเลี่ยงวงจรการปั่นและระเบิดนี้ วิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่ออารมณ์ของคุณ-โดยการมีแนวคิดของเทรดเดอร์, สิ่งนี้จะพาคุณออกให้ห่างและป้องกันคุณจากการถูกจับเข้าไปอยู่ในฝูง


10 ทักษะสำคัญที่จำเป็นสำหรับการเทรดที่ประสบความสำเร็จ
การเทรดตลาดการเงินต่างๆ เป็นทั้งศิลปะและวิทยาศาสตร์ พูดได้อีกอย่างว่า-การซื้อขายเป็นงานฝีมือ มันต้องใช้ความสามารถและการปฏิบัติเพื่อจะประสบความสำเร็จในงานฝีมือนั้น พรสวรรค์ถูกพัฒนาผ่านการปฏิบัติที่เหมาะสม การปฏิบัติที่เหมาะสมจะเป็นไปได้ถ้าคุณรักในสิ่งที่คุณกำลังทำและคุณกำลังถูกผลักดันให้กลายเป็นคนที่เจ๋งที่สุดเท่าที่คุณจะสามารถอันเนื่องมาจากฝีมือของคุณเอง
หวังอย่างยิ่งว่า, ด้วยความช่วยเหลือด้านข้อมูลในหนังสือเล่มเล็กๆ นี้ คุณจะได้รับการกระตุ้นในการพัฒนาพรสวรรค์ของคุณ-โดยการพัฒนาทักษะที่เทรดเดอร์เก่งจะต้องทำให้สำเร็จ
นอกจากนี้, เหมือนกับงานฝีมืออื่นๆ,  การเลือกเครื่องมือที่เหมาะสมมีบทบาทสำคัญมากในการกำหนดคุณภาพของผลงาน การเทรดก็ไม่แตกต่างกันเลย มันการให้เทรดเดอร์ออนไลน์ต้องทำเข้าใจมัน และใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายออนไลน์อย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้ประกอบการค้าเก่งมี ...
1. ความรัก
2. มี mideset ของการเป็นเทรดเดอร์
3. กำหนดพันธกิจ / เป้าหมายไว้อย่างชัดเจน
4. เงินเพียงพอที่จะเทรด
5. มีความเข้าใจของตลาด
6. ผ่านการทดสอบทางวิธีการ
7. มีทักษะการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
8. มีแผนการซื้อขายที่ครอบคลุม
9. มีการฝึกเทรดมาแล้วอ่างโชกโชน
10. มีความเพียรที่จะประสบความสำเร็จ

Sunday, January 22, 2017

แนวทางคัดหุ้น IPO ดาวรุ่ง

แนวทางคัดหุ้น IPO ดาวรุ่ง


ผมเป็นคนหนึ่งที่ชอบหุ้นเข้าใหม่หรือ IPO มาก เพราะมองว่าเป็นหุ้นที่รายย่อยเข้ามามีส่วนร่วมน้อยมากๆ หากธุรกิจนั้นมีความสามารถในการแข่งขันและทำกำไร และคนทำราคาตั้งใจจริงก็จะวิ่งแรงๆได้เป็นเด้งภายในเวลาไม่นานเลย

ดังนั้นหุ้น IPO ที่มีความโดดเด่นทั้งพื้นฐานและราคา จึงเป็นหุ้น Superstocks ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ยิ่งชวงนี้ หุ้นที่เข้าใหม่ๆเริ่มมีความหลากหลายทางธุรกิจมากขึ้น มีความเป็น niche มากขึ้น ยิ่งทำให้เรามีตัวเลือกหุ้นดีๆ ทำกำไรดีๆ การดำเนินกิจการที่โดดเด่น ได้หลายตัวเลือกมากขึ้น
แต่ก็อย่างว่าแหละในตลาดหุ้นหรือในชีวิตจริงของเราน่ะ ของจริงนั้นมีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก ส่วนใหญ่ก็มีแต่ตัวหลอกกันทั้งนั้น

ความท้าทาย หรือด่านที่ทดสอบใครสักคนกำไรหุ้นได้อย่างเป็นกอบเป็นกำคือ ความสามารถในการคัดเอาหุ้นดาวรุ่งมาอยู่ในพอร์ด และต้องทนรวยให้ได้ ใครตาดีและอึดก็รวยไป ใครมองไม่ออกก็ซวยไป(ถ้าตัดขาดทุนไม่เป็น)

ผมจะแบ่งเป็น 2 ส่วนนะ คือลักษณะของการทำราคาหุ้น 5 Class(ซึ่งจะยาวหน่อยเพราะรูปประกอบเยอะ)
และอีกส่วนสั้นๆคือวิธีการเล่น จะแทรกในรูปแบบ Class และอยู่ในช่วงท้าย
(เครดิตกราฟจากเว็บ siamchart.com) อยากดูภาพใหญ่ให้คลิกที่รูปนะ



Class A ดีหนึ่งประเภทหนึ่ง

เข้ามาก็มีคนยินดีต้อนรับ มี demand ต่อคิวซื้อมากมาย ราคาทยอยขึ้นไปเรื่อยๆ มีย่อบ้างแต่ไม่แรง ตลาดลงหนักก็ sideway ชอบสะสมข้างบน แล้วไปต่อได้ตามผลกำไรที่ออกมา ประเภทนี้มีน้อยยิ่งกว่าน้อยปีละตัวหรือบางปีก็ไม่มีเลย เช่น TKN
แต่ก็ยังมีอีกแบบที่เปิดตลาดมาโดนกระหน่ำขายไปสองสามวัน จากนั้นก็ดีดแรงทำ All time high และวิ่งขึ้นทำนิวไฮได้อย่างต่อเนื่องกระทั่งวันนี้ เช่น TACC กับ FSMART ที่หน้าตาเหมือนกันมาก

FSMART ตู้บุญเติม นี่ก็ดีดขึ้นมาสะสมข้างบน

SPA นี่ก็ช่วงแรกๆวิ่งขึ้นลงแบบไร้ทิศทาง แต่ก็ไม่ทำนิวโลว์ จากนั้นพอ breakout ได้ก็ยาวเลย

PTG ปั๊มน้ำมันทองคำ ยอดหุ้นในตำนาน เข้าตลาดมาก็ทรงเดียวกับ SPA คือย่อก่อน หลังจากฟื้นตัวได้ก็ยาวเลย มากกว่า 6 เด้ง

ถ้าดูกราฟเราจะเห็นจุดร่วมของหุ้น Class A ที่ 3 ตัว ดังนี้
เทคนิคอล
1) เริ่มซื้อขายที่ราคา 5 บาท หรือน้อยกว่า
2) ราคาทำ All time high ได้ทันที หรือภายในสัปดาห์
3) มีการสะสมที่ข้างบน หรือในหนังสือ "เทรดแบบเซียนหุ้นให้ได้กำไรขั้นเทพ" เรียกว่า "ฐานเบื้องต้น" คือราคาหุ้นสามารถยืนแข็งอยู่ข้างบน(all time high ได้แล้ว) ผ่านการสร้างฐานราคา(sideway สะสมข้างบน) แล้วสักพักต่อไปก็ขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้(all time high ได้อีกครั้ง)
4) เมื่อขึ้นมาแล้ว การปรับฐานไม่ควรเกิน 1 เดือน และลงไม่ควรลึกเกิน 50% และถ้าจะให้แกร่งสุดๆ ระยะเวลาที่ย่อก็ไม่ควรเกิน 3 วีค และลงไม่เกิน 25% จะยอดมาก



พื้นฐาน
1) เป็นธุรกิจที่ขายสินค้าถึงมือผู้บริโภค(Mass)โดยตรง และเป็นของที่ซื้อ/ใช้บริการซ้ำ
2) สามารถเพิ่มยอดขายได้ด้วยจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้น เช่น TACC โตตาามจำนวนสาขาร้านเซเว่น, FSMART จำนวนตู้ก็โตตามสาขาเซเว่นและยังเพิ่มไปตามหอพัก,โรงเรียน หรือชุมชน
3) ขยายตลาดใหม่ๆได้ เช่น TKN โตต่างประเทศ
4) มีศักยภาพทางการผลิต คือทำสินค้าได้เยอะจึงมี economy of scale (ต้นทุนต่ำลง) อีกทั้งขายได้เยอะตามไปด้วย ผลคือกำไรโต ราคาก็ต้องพุ่งตาม
6) กำไรเติบโตต่อเนื่อง ถ้าก้าวกระโดดได้ยิ่งดี มักมีบทวิเคราะห์ออกมาบ่อย และจะปรับราคาที่เหมาะสมขึ้นไปเรื่อยๆ
ถ้าเจอหุ้นที่มีแผนธุรกิจ และกราฟออกทรงนี้ ก็ให้คัดไว้เลยว่านี่แหละคือตัวจริงที่เราต้องมี
แต่ก็มีข้อยกเว้นในเรื่องของราคาหุ้นนะ เช่น CBG นี่ก็ sideway มาเป็นปี กว่าจะเบรคขึ้นด้วยผลประกอบการที่เติบโตจากการไปขยายตลาดในต่างประเทศ





Class B ต้นร้ายปลายดี

เข้าตลาดมาก็โดนถล่มขายซะเสียรูปมวย supply เยอะมาก ลง ลง ลง จนหยุด ค่อยๆสะสมจากข้างล่าง ฟื้นตัวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน สะสมไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆ จนทำ all time high และบินสูงต่อไปได้อย่างมั่นคง พวกนี้งบจะมีพัฒนาการที่น่าตื่นเต้น เติบโตดี เช่น BIG, TFG, COM7, KOOL, TNP








จุดร่วมที่น่าสนใจ
เทคนิคอล
1) เข้าตลาดมาก็โดนถล่มขายซะเสียรูปมวย supply เยอะมาก ลง ลง ลง ต่อเนื่อง เป็นเดือน จนหยุด
2) ราคาที่ลงไปมักจะอยู่ในโซนต่ำกว่า 2 บาท
3) ค่อยๆสะสมจากข้างล่าง ใช้เวลาเป็นเดือน เช่นกัน
บางตัวก็ย่อย supply ออกด้วยการบีบการแกว่งให้ค่อยๆแคบลงๆ จนไม่มีใครอยากเล่นแล้ว จึงค่อยดีดแรง เหมือน PIMO
4) ฟื้นตัวอย่างเป็นขั้นเป็นตอน สะสมไล่ราคาขึ้นมาเรื่อยๆเอื่ยๆ ถ้าทำกรอบราคาแบบ Darvas box จะเห็นภาพการสะสมขึ้นเป็นช่วงๆอย่างชัดเจน
5) จนทำ all time high ได้แล้ว อาจยังสะสมต่อ หรือวิ่งแรงๆแท่งยาวๆได้เลย
พื้นฐาน
1) ถ้าดูงบจะเห็นว่ามีกำไรเพิ่ม เติบโตขึ้นเรื่อยๆ บางบริษัทก็ก้าวกระโดดทำ all time high เลยก็มี
2) เป็นผู้เชี่ยวชาญฉพาะด้าน niche market สินค้าขายให้รายย่อยโดยตรง
เอาเป็นว่า ให้ดูที่งบกำไรเป็นหลัก ถ้ากำไรโตชัดเจน แต่ราคาไม่ยอมไปก็ให้รอจังหวะที่มีการ breakout ข้ามกรอบค่อยเข้าก็ได้




Class C ท่าดีทีเหลว

พวกนี้ถือเป็น "ตัวหลอก" ของ Class A เพราะช่วงแรกก็เขียวดีไล่ราคาขึ้นไปเร็วและแรงรวดเดียว ทำเป็นขาขึ้นที่แข็งแรงมากๆ แต่จากนั้นก็ถล่มขายซะ อารมณ์เหมือนไล่ราคาขึ้นไปเชือด จากนั้นก็ sideway เหมือนรอข่าวดีซึ่งไม่รู้จะมาเมื่อไหร่

พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นที่ขาย IPO ราคาแพงๆเกิน 10 บาท ปั่นยากถ้าไม่มีข่าวดีแบบ surprise จริงๆ
ซึ่งจะตรงกับข้อเขียนของ Mark Minervini ไว้เลยว่า "หุ้นที่เข้าใหม่มักจะวิ่งแรงตั้งแต่วันเริ่มเสนอขายและอาจวิ่งต่ออีกหลายอาทิตย์หรือหลายเดือนด้วยซ้ำ ต่อมาอาจโดนขายทำกำไรจนหุ้นปรับลง เพราะมีบางคนอยากได้เงินง่ายๆเร็วๆ"
นิสัยถาวรของมันคือสวิงแรงมากๆ ทำราคาไม่เป็นระบบเหมือน 2 Class แรก
ถ้าสนใจก็รอให้มีการสะสมและยกกรอบแบบ SCN ก่อนก็ได้ ถ้างบออกมาดีก็มีโอกาสเป็น Class B ได้เช่นกัน

HPT เข้าตลาดวันแรกเปิดเขียวยาวเลย ดูดีมากๆ แต่แล้วจากนั้น ปีกหักร่วงลงมา sideway บาทกว่าๆ


MEGA ก็เป็นตัวอย่างที่ดีของการสะสมด้านล่างสำเร็จ แต่ที่สำคัญคืองบเขาก็ดีขึ้นมาก มีโอกาสโตต่างประเทศได้อีก

หรือสะสมด้านบนแบบ ORI ก็น่าสนใจ แต่ต้องไปดูงบว่าดีขึ้นมั้ย และจะโตต่อเนื่องได้ยังไงสำหรับธุรกิจอสังหา

แต่สวิงโหดสะเปะสะปะแบบ SCI กับ TPCH ก็ไม่ไหวนะ คุณต้องเชื่อมั่นพื้นฐานมากๆ หรือเล่นแบบเทรดดิ้งเข้าไวออกไวเท่านั้น



ICHI นี่ก็ถือเป็นความด่างพร้อยของวงการอีกตัว ถ้าช่วงแรกไม่เด้งแรงจะเข้ากลุ่ม Class E ว่าเข้ามาทำไม

RWI นี่ก็คล้ายๆกัน เปิดตัวหรูมาก แต่จากนั้นก็จมบาดาลไปเลย

สรุปสำหรับกลุ่มนี้ คือเราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะขึ้นลงยังไง บทจะดีก็ดีแบบใจหาย แต่พอเขาจะโหดก็ลงแบบเอาตาย
ซึ่งถ้าเราดูย้อนหลังแบบนี้จะอธิบายยังไงก็ได้ แต่หน้างานจริงๆเราไม่รู้อนาคตว่าจะไปยังไง ดังนั้นการตั้ง stop loss หรือ trailing stop เพื่อรักษาเงินต้นหรือกำไรให้ได้มากที่สุด คือสิ่งที่ต้องยึดเอาไว้และต้องทำอย่างจริงจังเคร่งครัด ถ้าสวิงแรงจนหลุดแนวราคาที่เราตั้งไว้ต้องออกก่อน อย่าไปหวังอะไรกับหุ้นที่คนทำราคาไม่ support เลยครับ หนีก่อน ไม่มีเงินเขาไม่ให้เก็งกำไรนะ
ถ้ารักชอบจริงๆก็ให้ตามดูงบ อ่านการอธิบายงบ อ่านบทวิเคราะห์ และรอดูการเปลี่ยนพฤติกรรมของกราฟ เช่นถ้าลงหนักก็รอให้เขาสะสมจนครบก่อน เมื่อขึ้นยกกรอบทำนิวไฮขึ้นมาแบบชัดเจน ก็ follow buy ไป แบบ Class B เพราะถ้าพื้นฐานดี สะสมเสร็จ ก็จะวิ่งขึ้นไปได้เอง จำไว้เลยว่า "กำไรต่อหุ้นคือเจ้ามือตัวจริง"


Class D สะสมเป็นชาติ

เข้ามาก็โดนขายลงมาอย่างต่อเนื่อง สักพักก็หยุดลง แต่ก็ไม่ยอมไปไหน sideway ออกข้างอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พอราคาขึ้นจะกระชากแรงแต่ก็จะโดนตบลงทันที ส่วนใหญ่งบจะไม่ดีเอาเสียเลย แต่ก็มีบางตัวงบจะออกทรงๆ และบางตัวก็ดีขึ้นมาก แต่ก็เหมือนมีคนไม่ยอมให้ไป(เจอพวกนี้ก็ให้เล็งเอาไว้ คุณมีโอกาสเจอเพชรในตม แล้วล่ะ)
กลุ่มนี้มีโอกาสกลายเป็น CLASS B ได้ ถ้าถึงเวลา








TVT เอาเข้ากลุ่มนี้ก็แล้วกันนะ คือจะเป็น C ก็ได้ ตอนนี้ก็ sideway แต่ทำไมยิ่งมายิ่งลง

OTO นี่ก็ดีดเป็นพีกๆ แต่ไม่ยอมไปไหน


วิธีเล่นหุ้น Class D คือเฝ้าดูทุกวัน แม้จะ sideway ก็ต้องติดตาม เพื่อรอให้มันเบรคขึ้นไปทำนิวไฮแล้วค่อย follow buy ตาม อย่าซื้อดักเด็ดขาด(เช่นลงมาต่ำแล้วซื้อไว้ก่อน)เพราะคุณจะโดนแช่อยู่ในกรอบจนอึดอัด เชื่อเถอะเดี๋ยวก็ขายออกจนได้ แต่บอกตรงๆว่าแม้จะ follow ก็ตามเถอะ-ถ้าดูพฤติกรรมจากอดีตแล้วหวาดเสียวมากว่าพี่แกจะเขย่าแรงๆให้เราต้องหนีได้ตลอดเวลา ดังนั้นเราควรเลือกหุ้นที่งบเป็นหลักก่อนว่ามันดูดีมั้ย อย่างน้อยก็ไม่ขาดทุนล่ะอันดับแรก ต่อมาก็ให้ดูนิสัยการทำราคา ถ้ายกกรอบขึ้นแบบมีระเบียบก็ตามได้ เพราะพวกนี้มีโอกาสเป็น Class B ได้ทุกตัว แต่หากเข้าไปแล้วเจอแบบสวิงโหดๆก็ต้องระวัง แต่ถ้าใครได้ทุนต่ำก็จะได้เปรียบ
ตัวอย่างเช่น ATP30 TNP ถ้าใครเข้าตอนที่มันเปิด gap ได้ก็สบายไป ตอนนี้จะเขย่าแค่ไหนก็ชิลล์





Class E เข้าตลาดมาทำไม?

ตั้งแต่เข้าตลาดมาก็โดนถล่มขายอย่างไม่ลืมหูลืมตา supply ไม่มีวันหมด ราคาทำนิวโลว์ได้อย่างต่อเนื่อง พวกนี้งบจะเน่าอย่างแรงขาดทุนต่อเนื่องเพราะลงทุนใหม่หนักมาก เช่น LDC พวกนี้ต้องรอให้เข้ากระบวนการสะสมให้ได้ก่อน ถ้างบออกมา surprise ก็อาจดีดตัวแรงอย่างคาดไม่ถึงได้เช่นกัน ตัวนี้ก็มีโอกาสเป็น Class B ได้เช่นกัน ดังนั้นอย่าสาปส่ง

SR นี่ก็เข้ามาลงตลอด มาอยู่่ๆก็เด้งแบบเปิด gap เลย แถมยืนได้ด้วย ต้องคอยดูพัฒนาการต่อไปว่าจะยังไง

RICHY นี่ก็เกือบโดนด่า ถ้าไม่มีเด้งต้นปี

HOTPOT เข้าตลาดมาแรกๆก็เหมือนจะดูดีมีความหวังย่อแล้วเด้งแรง(ซึ่งเข้าข่าย Class C) แต่จากนั้นก็ไม่ยอมไปต่อ เอาแต่ลงๆๆ
นิวโลว์แล้วโลว์อีก อาจเป็นเพราะธุรกิจสู้เขาไม่ได้จริงๆ เพิ่งมีเด้งไม่นานมานี้เอง แต่ด้วยการเก็งกำไรล้วนๆ ดูเหมือนว่ามีข่าวจะโดนเทคโอเวอร์อะไรนี่แหละ

CHEWA ตั้งหน้าตั้งตา sideway แล้วเบรคลงนิวโลว์ซะงั้น

NOK นี่ก็ปีกหักร่วงลงตลอด 2 ปี ก็เพิ่งได้เข้าระยะสะสมเมื่อไม่นานนี้เอง




สรุปวิธีเล่นหุ้น IPO

1) ถ้าคุณจะเอาจริงกับหุ้นประเภทนี้ คุณก็ต้องตามมันทุกตัว ทำลิสต์ไว้เลย เก็บข้อมูลทั้งพื้นฐานว่าทำกิจการอะไร แข่งขันได้มัย จะโตได้ยังไง คัดเอาตัวเด่นๆที่เราเห็นแววเอาไว้
2) ต่อมาก็เช็คกราฟทุกวัน ดูพฤคิกรรมมัน คัดเอาตัวที่พื้นฐานดีจากข้อแรก มาดูการทำราคา พยายามทำกรอบการขึ้นไว้ดู ถ้าเห็นการขึ้นที่เป็นระเบียบ สุภาพๆ(หุ้นดีจริงๆ เขาไม่เขย่าแรงหรอก บอกไว้เลย) ง่ายสุดคือใช้หลักการกล่องราคา(อย่างที่ทำให้ดูข้างบน) ก็เลือกเอาตัวนั้นมาเล่น
ผมชอบวิธีของพี่ Mark Minervini จากนังสือ "เทรดแบบเซียนหุ้นให้ได้กำไรขั้นเทพ" ที่ให้แนวคิดในการลงทุนหุ้น IPO ว่า
"ผมจะสนใจหุ้นใหม่เข้าตลาดก็ต่อเมื่อราคาหุ้นยืนแข็งได้อย่างน้อย 2-3 เดือนหลังจากเข้าเทรดในตลาด โดยประเมินจากการ "สร้างฐานเบื้องต้น" ในช่วงปรับฐานอย่างน้อย 3 สัปดาห์ และต่อมาพุ่งขึ้นทำนิวไฮ หรือปรับฐานแบบสร้างสรรค์ไกล้ all time high" ถ้าเราดูหุ้น Class A กับ B เราจะเห็นการทำตัวของหุ้นที่สนับสนุนแนวคิดนี้อย่างชัดเจน
คือหุ้นตัวไหนที่เข้าตลาดแล้ววิ่งแรงเลย ให้ระวังปรับฐานแรงเพราะคนดันขึ้นไปเพื่อปล่อยของ

ให้สนใจตัวที่ขึ้นไป(หรือลงก็ได้) แล้วมีการปรับฐานหรือ sideway หรือจะเรียกว่า VCP หรือ cup and handle ก็แล้วแต่ เพราะมันเป็นความตั้งใจของคนทำราคาที่ไม่หักหาญ และมีเจตนาในการทำราคาแบบคนมองการณ์ไกล (ดูรูปประกอบ)

3) เมื่อเห็นการทำราคาในลักษณะที่ว่ามา ก็ซื้อในจุดที่คุณมั่นใจว่ามันไปต่อแน่ เช่น follow buy เมื่อทำนิวไฮ(แบบรูปข้างบน) แล้วทนถือไป ดูงบไป ไม่ถึงปีหรอกคุณได้เด้งแน่นอน

4) สำหรับคนที่มักง่าย ให้คอยดูการรายงานหุ้น 52 Week high หรือ All time high จากเพจหุ้นการบ้าน (https://www.facebook.com/stockhomework) หน้าตาอย่างนี้นะ

ทุกวันทำการเขาจะรายงานให้เราไม่มีขาด คัดตัวที่เพิ่งเข้ามาไม่นาน แล้วเอาไปทำการบ้านหาจุดเข้าที่ปลอดภัยต่อไป แล้วก็อย่าลืมวางจุดหนีด้วยล่ะ เผื่อมันจบรอบตอนนั้นพอดี เพราะต้องยอมรับนะว่าคุณมางานเลี้ยงสาย ซึงมีโอกาสจ่ายรอบวงสูงมาก


-------------------------------------------
----------------------
----------------------
สนับสนุนโดยหนังสือหุ้นเทคนิคอลที่ปล่อยของแบบไม่มีกั๊ก
หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่ และ หุ้นซิ่ง สวิงเทรด


ทำไมใครๆต่างบอกว่าหนังสือทั้งสองเล่มเป็นการปล่อยของแบบไม่กั๊ก?
อ่านที่มาจากบทความนี้ครับ หนังสือหุ้นเทคนิคอลที่ปล่อยของแบบไม่มีกั๊ก

สนใจติดต่อสั่งซื้อหนังสือหุ้นทั้งสองเล่ม
ที่เพจ Zyo Books : facebook.com/zyoboooks



(แนะนำเพิ่มเติม ของฟรี)
หากต้องการศึกษาวิธีเล่นหุ้น แนะนำให้ไปอ่านบทความฟรี คลิปฟรีที่นี่ก่อนก็ได้
เรียนเล่นหุ้น เรียนเทรด forex จิตวิทยาการเทรด มือใหม่เล่นหุ้น
คลิกลิ้งนี้ครับ https://www.zyo71.com/p/index.html เป็นสารบัญเว็บนี้ครับ







และ eBook มีขายที่เว็บ https://www.mebmarket.com/index.php?action=search_book&type=author_name&search=เซียว%20จับอิดนึ้ง&exact_keyword=1&page_no=1
แยกส่วนกันนะครับ ขายคนละเจ้า
ebook หนังสือสอนเล่นหุ้น

Popular Posts