Tuesday, March 8, 2016

52 Week High + All Time High

โดย เซียว จับอิดนึ้ง : facebook.com/zyoit
หนังสือ "หุ้นซิ่ง สวิงเทรด" และ "หุ้นขาขึ้นรอบใหญ่"



ติดต่อสั่งซื้อหนังสือทั้งสองเล่ม ได้ที่เพจ zyobooks : facebook.com/zyobooks ครับ

++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++
---------


มีหุ้นประเภทหนึ่งที่นักลงทุนจำนวนมากรู้ว่ามันมีอยู่จริง แต่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของ มันคือหุ้น Superstocks ที่เป็นหุ้นที่วิ่งทำนิวไฮขึ้นไปเรื่อยๆ ทำ All Time High ได้อย่างไม่เคยเหนื่อยล้า ทำกำไรให้นักลงทุนเพิ่มขึ้นทุกเดือนทุกปีอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
ที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้เป็นเจ้าของเพราะคิดว่ามันขึ้นมาไกลแล้ว น่าจะมี upside ไม่เยอะ ไม่เอาดีกว่าเราไปหาหุ้นที่มันกำลังขึ้นเป็นต้นเทรนด์จะได้กำไรเยอะๆ เชื่อมั้ยวิธิคิดแบบนี้มันไม่เวิร์คสำหรับทุกคน เพราะต้นเทรนด์สำหรับนักลงทุนทั่วไปคิดคือ "bottom" ทุกคนพยายามซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุดกัน แต่ก็ไม่มีใครทำได้ซ้ำๆ ที่น่าสงสารคือยิ่งซื้อ ยิ่งลง คิดว่าต่ำแล้วยังมีต่ำกว่า
วันนี้จึงอยากนำเสนอการหาหุ้นต้นเทรนด์ในแบบสวนความรู้สึกของพวกท่านบ้าง มันคือ "หุ้นที่ราคาทำ 52 week high หรือเบรค 200 วัน" ถึงตอนนี้ผมเชื่อว่าส่วนใหญ่มีความคิดค้านขึ้นมาทันทีเลยว่า ซื้อได้ยังไง ซื้อแบบนี้ก็ได้ดอยหนาวตายเลยสิ ผมจะบอกอะไรให้ ไอ้ 52 week high นี่แหละคือตัวกรองหุ้น superstocks ที่แข็งแกร่ง ออกจากหุ้นธรรมดาๆ
อุปมาว่า กรอบราคาสูงสุดในรอบปี เหมือนกับแรงโน้มถ่วงของโลก หุ้น superstocks คือจรวดที่มีเชื้อเพลิงมากพอที่จะเอาชนะแรงกดดันมหาศาลนี้ได้ เมื่อมันทำราคาทะลุกรอบนี้ได้แล้ว ต่อไปก็จะเป็นอวกาศซึ่งไม่มีแรงต้านอีกแล้ว จรวดหรือราคาก็จะวิ่งต่อไปได้เรื่อยๆ
หรือถ้าเปรียบเป็นนักกีฬาฟุตบอล หุ้นเบรค 200 วัน ก็เป็นตัวจริงที่ตั้งใจซ้อมและมีทักษะโดดเด่นเข้าตาโค้ชให้ลงเล่นแมทช์เมเจอร์ได้ ก่อนที่ Messi หรือ Ronaldo จะเป็น Superstar ต้องเริ่มต้นมาจากการเป็นตัวจริงก่อนนี่แหละ
ดังนั้นหุ้นที่จะวิ่งแรงๆไกลๆทำกำไรหลายๆเด้ง ต้องมีคาเรคเตอร์ที่สำคัญมากๆคือ ราคาต้องทำ 52 week high หรือเบรค 200 วันขึ้นไปได้ เพราะการที่หุ้นถูกไล่ราคาจนสามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงกว่า 200 วันหรือรอบปีได้ ก็คือหุ้นที่ถูกคัดมาแล้วเป็นอย่างดีว่ามีโอกาสไปต่อ แสดงว่าหุ้นตัวนี้ต้องมีดีอะไรบางอย่าง ไม่งั้นทำไมรายใหญ่จึงยอมกวาดซื้อหุ้นทั้งหมดที่ราคาสูงขนาดนี้ สาเหตุอาจจะเนื่องมาจากกำไรในอนาคตจะโตแบบก้าวกระโดด , มีการประกาศจ่ายปันผลเป็นครั้งแรกในรอบหลายๆปี หรือไม่เคยจ่ายมาก่อนเลย , แม้แต่เป็นมันนี่เกมส์(หุ้นปั่น)ก็ตามที
ทำไมหุ้นที่มีราคาขึ้นไปสูงสุดในรอบ 200 วันทำการ ถึงวิ่งได้แรง เพราะคนที่ติดหุ้นตัวนี้มานานเป็นปี ถ้าไม่ได้เป็นนักลงทุนแบบ VI หรือไม่ได้คัททิ้งไปก่อนหน้านี้ ก็จะทำการขายแล้ว วันนี้เป็นวันที่ทุกคนกำไรหมด ได้ลงจากดอยกันซะที เรียกว่าแรงต้านในการขายขัดขวางการทำราคาได้หมดลงแล้ว นักลงทุนทุกคนมีความเบิกบานในกำไรที่ได้รับ ทุกคนมองในแง่บวก มีนักเก็งกำไรมากมายเข้ามาเล่นแล้วได้กำไร ซื้อ-ขาย เข้าๆออกๆ ช่วยผลักดันราคาให้ขึ้นไปได้เรื่อยๆ
น่าแปลกนะที่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็รับรู้รายงานหุ้นว่าตัวไหนบ้างที่ทำราคาสูงกว่า 200 วันหรือทำ All time high แต่ก็มีน้อยคนนักที่จะได้กำไรจากหุ้นประเภทนี้ อุปมาเหมือนเพลง "คิดฮอดแต่กอดบ่ได้" รู้ว่าวิ่งแต่ไม่กล้าซื้อ อาจเป็นเพราะมันทำให้เกิดความรู้สึกว่าหุ้นพวกนี้น่ากลัว กลัวซื้อแล้วดอย บางคนก็คิดว่าแพงเกินไปแล้ว รอย่อ แต่พอย่อก็ต่อราคา มัวแต่ต่อสุดท้ายหุ้นวิ่งกลับไปทำนิวไฮ กลายเป็นไม่ได้ซื้อ สิ่งที่ทำได้ตอนที่รู้ว่ามันวิ่งขึ้นต่อไปเรื่อยๆคือ "แช่งให้มันลง" เพื่อปลอบประโลมการตัดสินใจผิดของตนเอง ช่างน่าสงสารเสียนี่กระไร
ผมมองว่ากรอบราคาในรอบปี มันเป็นเหมือนตัวคัดกรองหุ้นที่แข็งแกร่งออกจากหุ้นที่มีทั้งหมดในตลาด นักลงทุนวีไอใช้ข้อมูล PE, ROE, ROA, D/E แนวโน้มธุรกิจเป็นตะแกรงร่อนหุ้น หาหุ้นดีราคาถูก แต่ถ้าเป็นนักลงทุนอีกประเภทที่ไม่มีทักษะทางด้านการวิเคราะห์งบการเงิน แต่อยากได้หุ้นเด้งสักตัว หุ้นที่ราคาเบรค 200 วัน ถือเป็นตัวกรองที่ดียิ่ง
เพราะที่เคยเล่นหุ้นขาลง ยิ่งซื้อยิ่งลง นั่นแหละ จึงได้ข้อสังเกตุว่า หุ้นมันมี "โมเมนตัม" อย่างที่ทฤษฎีดาวบอกไว้ว่า หุ้นมันจะวิ่งไปตามแนวโน้มของมันไปเรื่อยๆจนกว่ามันจะกลับตัว จึงไม่แปลกที่เราถัวขาลง ยิ่งซื้อยิ่งลง ยิ่งสะสมขาดทุน
ดังนั้นทำไมเราไม่ลองหาหุ้นที่ "ถูกคัดมาให้แล้ว" เล่นซะเลยล่ะ หุ้นที่พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าแข็งแกร่ง และมีโอกาสไปต่อสูง วันนี้แพงแล้ว พรุ่งนี้ยังแพงได้อีก
ผมนึกถึงคำหนึ่งที่พูดว่า "ของมันเคยแล้ว เดี๋ยวก็ทำได้อีก" หุ้นตัวใดที่มันทำนิวไฮได้ มันจะต้องทำไฮใหม่ได้เรื่อยๆ ยิ่งเป็นไฮที่ไม่มีแรงต้านแล้วด้วย เรียกว่า "ไฮแล้วไฮอีกให้สะใจ จะทำนิวไฮขึ้นไปเรื่อยๆจนคุณต้องร้องขอชีวิต" เมื่อทำ 52 Week High ได้ ต่อไปจะทำ All time High ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
หุ้นขาขึ้น มันก็ยังขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันกลับตัว ซื้อถัวหุ้นขาขึ้น ยิ่งซื้อยิ่งกำไร แบบนี้ดีกว่ากันเยอะเลย แต่เชื่อเหอะนักลงทุนส่วนใหญ่ไม่กล้า เพราะนิสัยของคนปกติชอบซื้อของถูก ดังนั้นถ้าอยากปรับ mind set ก็ต้องหาตัวอย่างมา support ความเชื่อนี้
ในบทนี้ผมจะลองยกตัวอย่างหุ้นที่มันทำ 52 Week High หรือจะเรียกย่อๆว่า 52WH (โดยใช้ weekly หรือ monthly chart เพราะจะได้เห็นภาพใหญ่) ว่าหลังจากที่มันทะลุไปทำราคาสูงสุดในรอบปีแล้ว มันจะไปไหนต่อ เชื่อมั้ยส่วนใหญ่มันจะวิ่งต่อจนทำ All Time High (ATH) ต่อทันที และถึงวันนี้มันก็ยังไม่หยุดทำนิวไฮ นี่แหละ Superstocks ของแท้ นี่แหละพลังของโมเมนตัม

(กราฟทั้งหมดเอามาจากเว็บ investorz.com หุ้นรายตัวเอาข้อมูลจาก บล็อก http://scanhoon.blogspot.com/)









มาดูหุ้น X กันบ้าง พวกนี้แม้ไม่มีพื้นฐานรองรับ แต่พอจะซิ่งหลายเด้ง ก็ต้องผ่านด่าน 52 Week High ทุกตัว



























52 Week High แบบยุ่งเหยิง เจ้าเขย่าแรง เดาทางยาก ไม่สวย แต่ก็กระสือกกระสนขึ้นไปทำนิวไฮได้ตลอด

EVER เจ้าโหด นี่ก็เหมาะกับ VI กับสวิงเทรดมากกว่าคนโง่ๆอย่างผม เพราะเจอหุ้นเขย่าโหดแบบนี้ คงถอดใจขายที่ stop loss ตลอดแน่ๆ









ตัวอย่างที่ล้มเหลวก็มีนะ ดังนั้น stop loss จึงต้องอยู่ในแผนทุกครั้ง
OCEAN กราฟจาก http://chart.bidschart.com/



จุดซื้อที่น่าสนใจ
จากการเฝ้าดูราคาเคลื่อนที่เข้าไกล้จุด 52 Week high มานานพอสมควร พบว่าในครั้งแรกมัจะยังทะลุไม่ผ่าน จึงต้องพักตัวลงมาสะสมกำลังเพื่อขึ้นหรือลงไปเบรคครั้งที่สองซึ่งส่วนใหญ่จะทำได้สำเร็จ ด้วยโมเมนตัมที่แข็งแรงกว่า
วิธีทำเงินจาก price action นี้ ทำได้โดยการหาหุ้นที่ราคาชน 52 Week high ไม่ผ่านแล้วมีเด้งกลับไปสะสมกำลังเพื่อทดสอบอีกครั้ง การเข้าซื้อตอนที่มันพักตัวไม่หลุดกรอบก็ถือว่าเสี่ยงน้อย หรือถ้าอยากให้มั่นใจว่าไปทันที ก็ต้องรอให้มันเบรคได้สำเร็จก่อน
หุ้นที่พักตัวลงมา อาจใช้เวลา 1-3 สัปดาห์เพื่อสะสมกำลังเพื่อขึ้นหรือลงไปเบรคแนว 52 Week high อีกครั้ง

สรุป หุ้นที่ราคาทำ 52 Week high และ All Time High มันเหมือนกับลูกปืนใหญ่ที่เพิ่งออกจากระบอก มันจะวิ่งขึ้นไปยังท้องฟ้าแบบสุดกำลัง การเทรดที่ราคาเพิ่งทำ ATH มันง่ายมาก และทำกำไรได้เยอะ

No comments:

Post a Comment

Popular Posts